เปิดใจ “คุณเหมียว”
รื้อของเก่าๆเลยเจอเป็นตั้งเลย หมายศาลค่ะตั้งกะปี 28-29 ป้าเหมียวรอดมาได้ไงก็ไม่รู้ ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำน่ะ ตำรวจกะทนายผลัดกันมาบางวันก็มาด้วยกัน โดนจับก็เคย สายส่งหนังสือต้องไปประกันตัว…ใครที่กำลังท้อลองอ่านดูค่ะ เผื่อจะตั้งสติได้เหมือนป้าเหมียว
เมื่อครั้งเกิดปัญหาใหม่ๆ พร้อมบ้านแตกสาแหรกขาด คิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องจบชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ดวงยังดีมีคนช่วยไว้พอรอดมาได้ก็เหลียวหลังกลับไปดูแม่ที่เป็นอัมพาตนอนร้องให้อยู่บนเตียง ลูกเรียนอนุบาลหนึ่งกับอนุบาลสอง
เมื่อกี้ถ้าเราตายแล้วพวกเค้าจะอยู่ยังไง พอถึงจุดนั้นแล้วก็ตั้งสติได้..เอาใหม่ทนายเจ้าหนี้ตำรวจไม่กลัวทั้งนั้น ใครมาทวงหนี้ก็ท้าเค้าอีกว่า ไม่ให้โอกาสทำมาหากินแล้วค่อยๆทะยอยผ่อนชำระก็จับไปเลยไปเข้าคุกให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เจ้าหนี้ที่ให้โอกาสก็มีที่ไม่ยอมก็มาก ถึงขนาดโดนจับจนสายส่งหนังสือเมื่อสมัยนั้น ขอเอ่ยนามผู้มีพระคุณ “เฮียมิ้ง”เจ้าของบริษัทเพ็ญบุญจัดจำหน่ายฯ ต้องไปประกันตัว
หนักสุดก็ทนายพากองบังคับคดีเอารถจะมายึดของที่บ้าน ป้าเหมียวขอร้องเค้าให้ทำยึดแต่อย่าขนไปเพราะถ้าขนไปจะเหลือแต่บ้านเปล่าๆ จะดำรงชีวิตอยู่ได้ยังไง เค้าก็ใจดีสงสาร ให้ตกลงผ่อนชำระกันใหม่แล้วเขียนเอกสารยึดแปะไว้แต่ละอย่าง เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น เตียงนอน ตู้เสื้อผ้าฯลฯ ตีราคายึดหมดบ้านยังไม่ถึงห้าพันเลย กระทั่งได้ผ่อนชำระเจ้าหนี้รายนั้นจนหมด บ่อยครั้งที่ดึกๆจอดรถเหม่ออยู่ข้างถนนไม่กล้าเข้าบ้านเพราะไม่รู้จะตอบคำถามแม่ยังไงว่าเงินไม่มีจะซื้อนมเข้าบ้านให้ลูก ไฟแนนซ์มายึดรถจนเป็นกิจวัตร ได้แต่ขอให้เค้านั่งรถไปส่งลูกถึงโรงเรียนแล้วค่อยเอารถไป ถึงขนาดพนักงานก็พากันขนของแบ่งสมบัติที่ออฟฟิซไปกันคนละอย่างสองอย่าง เพราะไม่มีเงินจ่ายเงินเดือน…หมอดูทำนายว่าปี 53 จะค่อยๆดีขึ้น (ดูหมอเมื่อปี 28 อีก 5 ปีจะดีขึ้นจะอยู่ถึงไม้เนี่ย) ป้าเหมียวก็ได้แต่ให้กำลังใจตัวเองจนผ่านพ้นวิกฤตมาได้จนทุกวันนี้ อุปสรรคมีไว้ให้ฝ่าฟันจริงๆ นี่คืออดีตที่ขมขื่นมากมายสำหรับป้าเหมียว นึกถึงทีไรก็ยังขนลุกไม่หาย ทุกวันนี้เสียงกริ่งหน้าบ้านดังจะพากันสะดุ้งทั้งแม่ทั้งลูกเพราะนึกถึงอดีตทุกที ไม่เจ้าหนี้ก็ตำรวจไม่ตำรวจก็ทนาย…ชีวิตคนเราก็ยังงี้แหละร้ายแล้วก็ดีต้องมีสักวัน..อย่าท้อนะทุกคน สู้สู้ !